พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานแห่งอนาคต เพื่อความยั่งยืน
พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานแห่งอนาคต เพื่อความยั่งยืน
โดยเป็นหนึ่งในประเด็นที่โดดเด่นที่สุดของงาน “Greening the Future: ESG Leadership in the Sustainability Revolution” ที่จัดโดย The Bangkok Post คือ การใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อความยั่งยืนและ เป้าหมาย Net Zero ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตพลังงานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และมีความเสถียรสูง ต่างจากพลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ มีตัวอย่างแล้ว เช่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส จีน และเกาหลี
นี่คือ 1 ในวิสัยทัศน์ของ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ในการพัฒนาความยั่งยืนและความท้าทายที่เรากำลังเผชิญในระดับโลกและในประเทศไทย ขณะนี้ ประเทศไทยถูกจัดอันดับที่ 43 จาก 166 ประเทศในด้าน SDG Index ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจ แต่เรายังต้องร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนทั้ง 17 SDGs ให้สำเร็จภายในปี 2030" ขณะเดียวกันก็ต้องพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกที่กำลังเผชิญใน 6 เรื่องสำคัญ คือ ความเหลื่อมล้ำ การแบ่งขั้วอำนาจเป็นทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ การผันผวนทางภูมิอากาศ การเข้าสู่สังคมสูงวัยกับให้ความสำคัญเรื่องเฮลแคร์ การปฏิรูปดิจิทัลหรือเอไอ และพลังงานสะอาด
อีกประเด็นสำคัญที่คุณศุภชัยพูดถึงคือ การไหลของเงินทุนทั่วโลกใน 3 เรื่องหลัก หรือที่เรียกว่า 3D คือ 1. Digitalization คือการให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและเอไอ 2. Deglobalization โลกกำลังเข้าสู่ Multipolar ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ความเป็นโลกาภิวัตน์ลดน้อยลง มีความเป็นโลกหลายขั้ว 3. Decarbonization การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แต่ทั้งนี้หากจะต้องการไปสู่ Net Zero จำเป็นต้องให้ความสำคัญใน 2 เรื่องคือ การใช้เทคโนโลยีเอไอ และดาต้าเซนเตอร์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการด้านพลังงานและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
"เครือซีพีได้ตั้งเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืนภายในปี 2030 โดยเน้น 3 Big Goals คือ 1. การเป็นองค์กร Carbon Neutral ในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050 2. ของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบต้องเป็นศูนย์ (Zero Waste) และ 3. การสนับสนุนให้ผู้คน 50 ล้านคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานด้านการใช้พลังงานสะอาด เช่น โครงการไก่ไข่ครบวงจรในประเทศจีน ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 110,000 ตันต่อปี"
นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับพนักงาน คู่ค้า และเกษตรกรในการปลูกต้นไม้ลดคาร์บอนในพื้นที่ 4 ต้นน้ำภาคเหนือ ปิง วัง ยม น่าน มากกว่า 10,000 ไร่และสนับสนุนโครงการ CONNEXT ED ที่มีโรงเรียนเข้าร่วมกว่า 5,570 แห่งทั่วประเทศ
หากเราต้องการเปลี่ยนอนาคต เราต้องเสริมศักยภาพให้กับคนรุ่นต่อไป และให้พวกเขากำหนดทิศทางของโลกด้วยตัวเอง
ทั้งหมด 0 ความคิดเห็น